ดวงดาวกับชาตาชีวิต(คนศาสตร์) ฝูงชนกำเนิดคล้ายคลึงกัน ใหญ่เล็กเพศผิวพรรณแผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทันกันหมด ยกแต่ชั่วดี กระด้าง ห่อนแก้รือไหว พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เวลาที่ผู้ถือกำเนิดร้องออกมา เป็นคำแรกนั่นเองคือ เวลาตกฟาก ตามหลักโหราศาสตร์ ดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่รอบโลกเรานี้มีอิทธิพลต่อสภาวะบนโลกของเรา เช่นพระจันทร์มีผลต่อน้ำขึ้น น้ำลง เป็นต้น เมื่อคลอดพ้นจากท้องแม่แล้ว ก็ได้รับอิทธิพลจากกระแสสัมผัสของดวงดาวต่างๆ ทั้ง 10 ดวง เดี๋ยวนี้ มีเพิ่มเนป จูน พลูโต แบ็คแคชเข้าไปอีก รูป และวิญญาณจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับการปฎิสนธิ (ขันธ์ 5) หรือเรียกว่า รูปและนามซึ่งอาศัยกันและกันตั้งแต่คลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย จิต ของเรานั้น เป็นความรู้สึกที่เกิดจากการได้รับสัมผัส จากหู ตา จมูก ลิ้น กาย หรือเรียกรวมว่าอายนะทั้ง 6 ดังพุทธองค์ได้ตรัสไว้ หัวใจเป็นที่ตั้งของจิต ซึ่งอยู่นอกการสั่งการของสมอง (บางท่านอาจว่า สมองเป็นที่ตั้งของจิต) ซึ่ง หลักการแพทย์แล้วจะถือว่า ผู้นั้นตายก็ต่อเมื่อหัวใจหยุดเต้น และสมองต้องหยุดทำงานด้วยจึงสมบูรณ์. อ้างอิงจาก วิทยาศาสตร์โหร โดย อ.จำรัส ปัทมสูต นายสุรเจตน์ เนติลักษณวิจารณ์ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา วิชาในโลกนี้ ถ้าจะเรียนให้ครบแล้ว รับรองได้เลยว่า เรียนไปจนตายก็ไม่มีวันหมด แต่อย่าท้อ ขอให้เรียนเป็นอย่างๆไป เรียนเพื่อให้เกิดความชำนาญ แล้วท่านจะใช้วิชานั้นหากิน ได้อย่างกลมกลืน อย่าเรียนแบบสะเปะสะปะ ไม่มีจุดหมายปลายทาง เพราะจะไม่เก่งสักอย่าง หากินก็สู้เขาไม่ได้ แบบนี้เขาเรียกว่า "เก่งอย่างเป็ด" คือเดินก็ได้ บินก็ได้ ว่ายน้ำก็ได้ แต่ไม่เก่งสักอย่าง คนเราถ้าทำอะไรให้เก่งสักอย่าง ก็ไม่ต้องกลัวตกงาน แถมมีสิทธิ์รวยอีกต่างหาก
|